เมื่อใดที่เด็กมีอาการ “ถ่ายเหลว” เป็นน้ำมากถึง 7-8 ครั้งต่อวัน พร้อมกับ “อาเจียน” มากถึง 7-8 ครั้งต่อวัน และ “มีไข้” ที่อาจสูงถึง 39 องศาเซลเซียส อาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำรุนแรง จนต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อนอนพักรักษาตัว ซึ่งทั้ง 3 อาการที่เกิดขึ้นนี้ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเด็กอาจติดเชื้อไวรัสโรต้า
รู้ทันอันตราย...จากไวรัสโรต้า
ป้องกันให้ลูกก่อน เพื่อแม่มั่นใจกว่า
เพราะหากลูกติดเชื้อโรต้าและต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ทำให้คุณแม่มีความกังวล เสียเวลาหรือต้องลางาน และเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ส่วนการรักษาความสะอาดของเล่นของใช้ตลอดจนสถานที่ที่ลูกเล่น หรือให้รับประทานนมแม่ สามารถป้องกันโรคได้เพียงบางส่วน การให้วัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าแก่เด็กถือเป็นวิธีป้องกันโรคที่ดีที่สุดในปัจจุบัน สามารถลดความรุนแรงของโรค และลดการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล วัคซีนโรต้ามี 2 ชนิดคือ ชนิดที่ผสมกันระหว่างเชื้อไวรัสโรต้าในคนกับเชื้อไวรัสในวัว และชนิดที่สองเป็นวัคซีนที่ผลิตมาจากเชื้อไวรัสโรต้าในคนโดยตรง
วัคซีนชนิดที่ผสมกันระหว่างเชื้อไวรัสโรต้าในคนกับเชื้อไวรัสในวัว ต้องรับประทานให้ครบ 3 ครั้งที่อายุ 2,4 และ 6 เดือน จึงจะให้ผลในการป้องกันโรคเต็มที่หลังอายุ 6 เดือน
วัคซีน ชนิดที่ผลิตมาจากเชื้อไวรัสโรต้าในคน โดยทำให้เชื้ออ่อนกำลังลง เพื่อไม่สามารถก่อโรคได้ เมื่อรับประทานแล้วเชื้อสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนในลำไส้ เป็นการเลียนแบบการติดเชื้อโดยธรรมชาติ โดยรับประทานเพียง 2 ครั้งที่อายุ 2 และ 4 เดือน ให้ผลในการป้องกันโรคได้เร็วตั้งแต่วัย 4 เดือน ช่วยให้คุณแม่มั่นใจได้มากขึ้น สบายใจได้มากกว่า เพราะเด็กได้รับการป้องกันเร็วตั้งแต่อายุ 4 เดือน ประกอบกับเด็กมีโอกาสติดเชื้อได้ตั้งแต่อายุยังน้อย จึงช่วยลดความกังวลใจของพ่อแม่ที่ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อได้อีกทางหนึ่ง
บทความโดย นพ.พรเทพ สวนดอก กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลกรุงเทพ